ถ้าเอ่ยถึง “ใส้กรอก” หรือว่า “แฮม” รู้ได้ทันทีเลยว่าเป็นอาหารของฝั่งตะวันตก แต่ค่ะแต่ ทุกวันนี้คนไทยเรานั้นนิยมนำอาหารเหล่านี้มาทานเป็นอาหารประจำไปแล้ว อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่าย แถมยังอร่อยอีกด้วย โดยเฉพาะเด็กๆ ให้นั่งกินทั้งวัน ไม่ต้องทำอะไรก็ยังได้เลยค่ะ
แต่ว่าวันนี้เอ็นทรีเคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) ขอเตือนภัย! ใส้กรอกแฮมบริโภคมากไปเสี่ยงเป็นมะเร็ง ให้คุณๆ ได้รู้กันค่ะ ก็อย่างที่รู้ๆ ถึงแม้ว่าอาหารเหล่านี้จะหาง่าย ทานง่าย แล้วยังมีความอร่อย ไม่มีใครปฏิเสธหรอกค่ะ แต่ว่า ใส้กรอกแฮมบริโภคมากไปเสี่ยงเป็นมะเร็ง ได้อย่างที่ไม่รู้ตัวเลยนะค่ะ ถ้าเช่นนั้นคุณๆ ก็น่าจะลองไปศึกษารายละเอียดในเรื่องของ ใส้กรอกแฮมบริโภคมากไปเสี่ยงเป็นมะเร็ง ที่เอ็นทรีเคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) ได้นำมาแนะนำกันในวันนี้ให้ดีนะค่ะ เพราะถึอได้ว่าเรื่องน่ารู้ของ ใส้กรอกแฮมปริโภคมากไปเสี่ยงเป็นมะเร็ง ที่ทางเอ็นทรีเคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) ได้นำมาฝากเป็นความรู้ที่หลายๆ คนนั้นควรจะทราบไว้อย่างละเอียดเลยนะค่ะ การทานอาหารก็มีทั้งคุณและโทษ ถ้ารู้จักทาน รู้จักเลือก รับรองว่าอาหารที่ทานเหล่านั้นค่ะเป็นคุณให้กับรางกายของเราแน่นอค่ะ ทราบหรือไม่…ใส้กรอกแฮมปริโภคมาไปเสี่ยงเป็นมะเร็ง ใครชอบทานไส้กรอก แฮม เบคอน บ้างเอ่ย? เรารู้ว่า อาหารประเภทนี้เป็นของโปรดของใครหลายๆ คน เพราะหาซื้อง่าย กินง่าย แถมยังอร่อย แต่รู้ไหมว่า ในเนื้อสัตว์แปรรูปแสนอร่อยเหล่านี้มีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “โซเดียมไนไตรท์” ผสมอยู่ ซึ่งสารชนิดนี้มีอันตรายต่อสุขภาพแน่นอน หากรับประทานมากเกินไป ไปติดตามสกู๊ปดีๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้จากทีมข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กันค่ะ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้ไปตรวจสอบไส้กรอกที่วางขายอยู่ตามตลาด และพบว่า มีหลายยี่ห้อที่บนฉลากระบุว่า ใช้วัตถุเจือปนอาหารแต่ไม่ระบุว่าเป็นสารชนิดใด ผสมอาหารในปริมาณเท่าไหร่ และควรบริโภคแค่ไหนจึงไม่เป็นอันตราย สำหรับวัตถุเจือปนอาหารที่ระบุไว้นั้น คือ สารโซเดียมไนไตรท์ ที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์จำพวกไส้กรอก แฮม เบคอน แหนม กุนเชียง หรือไส้กรอกเปรี้ยว โดยสารนี้เป็นผลึกสีขาว คล้ายน้ำตาลทราย ใช้สำหรับผสมอาหารประเภทเนื้อสัตว์หมัก เพื่อคงสภาพสีและกลิ่นของไส้กรอก ซึ่งมีกลิ่นเฉพาะไว้ได้นาน แต่หากได้รับสารชนิดนี้ในปริมาณมากเกินไปก็มีอันตรายเช่นกัน เพราะเมื่อสารชนิดนี้ไปทำปฏิกิริยากับสารเคมีในเนื้อสัตว์ อาจก่อให้เกิดโรคชนิดเฉียบพลัน และโรคเรื้อรัง อย่างเช่น โรคมะเร็งเมื่อสอบถามไปยัง ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ก็ทราบว่า การบริโภคอาหารประเภทนี้บ่อยๆ จะทำให้เกิดพิษเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการที่ไนไตรท์ทำปฏิกิริยาขึ้นในร่างกาย แล้วเกิดเป็นกรดไนตรัสขึ้นมา เมื่อลงไปในกระเพาะอาหาร พอเวลาที่เราทานอาหารประเภทโปรตีนเข้าไป ตัวกรดไนตรัสจะไปทำปฏิกิริยากับโปรตีน เกิดเป็นไนโตรซามีน ซึ่งไนโตรซามีนเป็นสารก่อให้เกิดมะเร็งได้ หากเราทานอาหารที่มีไนไตรท์สะสมเข้าไปนานๆ สารนี้จะค่อยๆ ทำปฏิกิริยาไปเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งทั้งนี้ ในหลาย ๆ ประเทศไม่ได้ห้ามการใช้สารไนไตรท์ในอาหาร เพียงแต่ต้องใช้ในปริมาณที่ระบุไว้ตามกฎหมาย เช่น ในประเทศเกาหลี ไม่ให้ใช้ไนไตรท์เกิน 70 มิลลิกรัม ต่อ เนื้อสัตว์ 1 กิโลกรัม ขณะที่ในสหภาพยุโรป ไม่ให้ใช้ไนไตรท์เกิน 150 มิลลิกรัม ต่อ เนื้อสัตว์ 1 กิโลกรัม ส่วนประเทศไทย มีข้อบังคับว่า ไม่ให้ใช้ไนไตรท์เกิน 125 มิลลิกรัม ต่อ เนื้อสัตว์ 1 กิโลกรัมเพื่อเป็นการตรวจสอบว่า ผลิตภัณฑ์จำพวกไส้กรอกที่วางขายอยู่ในท้องตลาด มีปริมาณไนไตรท์อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ ทีมข่าวไทยพีบีเอส จึงได้ร่วมมือกับคณะอุตสาหกรรมเกษตร สถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ทดสอบปริมาณสารไนไตรท์ที่ตกค้างอยู่ในไส้กรอก โดยสุ่มตัวอย่างจากไส้กรอกที่วางขายอยู่ตามท้องตลาด และหน้าโรงเรียนภายหลังการทดสอบ พบว่า มีปริมาณไนไตรท์ตกค้างอยู่ในไส้กรอกประมาณ 100 มิลลิกรัม ต่อ เนื้อสัตว์ 1 กิโลกรัม ซึ่งแม้ว่าตัวเลขนี้จะไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 125 มิลลิกรัม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะเริ่มกลัวแล้วว่า เราจะยังสามารถทานไส้กรอกได้หรือไม่ ซึ่ง ผศ.ยุพร พีชกมุทร ประธานหลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร สจล. ก็ได้ให้คำแนะนำว่า เราสามารถทานอาหารจำพวกนี้ได้ แต่อย่าทานต่อเนื่องทุกวัน เพราะหากไม่ได้รับประทานอาหารประเภทนี้บ่อยๆ การสะสมของไนไตรท์ก็จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย จาก gigail.com
|