- สมัครสมาชิกเมื่อ
- 18-1-2015
- เข้าสู่ระบบล่าสุด
- 8-3-2015
- สิทธิ์ในการอ่าน
- 10
- เครดิต
- 13
- สำคัญ
- 0
- โพสต์
- 2
|
กว่าจะตัดสินใจเขียนเรื่องราวการรักษามะเร็งนี้เพื่อบอกเล่าสู่สังคมชาวโซเชี่ยวต้องบอกเลยว่ามันยากที่จะบอกเล่าเป็นตัวหนังสือจนมาถึงวันนี้ 22/1/2015 มันถึงทางตันแล้วที่จะปรึกษาท่านผู้รู้อื่นๆ หรือขอคำแนะนำจากใคร เพราะเวลาที่ตัดสินใจไม่มีเลย
สาวน้อย (ลูกสาวคนที่ป่วย) กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยของรัฐบาล(ปริญญาตรีปี 4 ปีสุดท้าย)แถวราม และอยู่ในช่วงฝึกงานนอกสถานที่ ได้เกิดมีอาการไอ อย่างไม่ทราบต้นเหตุ ไอไม่หยุด (อยู่ในช่วงเดือนกรกฏาคม 2557) จึงเข้ารับการตรวจเอ็กซเรย์รักษามะเร็งที่โรงบาลย่านอนุสาวรีชัยฯ พบก้อนเนื้อที่ทรวงอก จึงส่งตัวมาเยียวยาที่ต้นสังกัด(บัตรทอง 30บาท)ที่ภูมิลำเนาเดิมศรีษะเกศและเริ่มลงความเห็นก้อนเนื้อนั้นที่โรงพยาบาลรักษามะเร็งที่ศรีษะเกศโดยการเจาะเนื้อเยื่อไปพิสูจน์เพื่อหาว่าก้อนเนื้อนั้นคืออะไรและวิธีรักษามะเร็ง (ทำการเจาะถึงสองครั้ง) ซึ่งก็ไม่สามารถสรุป"ได้ว่าเป็นอะไร จึงต้องทำเรื่องส่งต่อมารักษาตัว เพื่อผ่ารักษามะเร็งเอาก้อนเนื้อนั้นมาพิสูจน์อีกครั้งที รพ.ราชวิถี จนผลออกมาว่าเป็น โรคมะเร็งลำใส้ระยะที่ 4"
เหมือนทุกอย่างสำหรับผมมันหยุดทั้งหมด คนที่แข็งแกร่งที่สุดที่ผ่านมาคือผม แต่ตอนนี้คนที่เข้มแข็งที่สุดกับเป็นน้องจอย และเมียผม"พ่อไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวล หนูอายุยังน้อย หนู่ยังแข็งแรง พ่อสู้ๆ" เป็นคำปลอบที่สาวน้อยปลอบผมอยู่ตลอดเวลา
เมื่อทราบผลว่าเป็น "มะเร็งลำไส้ระยะที่ 4" ก็เริ่มวางแผนการรักษาโดยการให้ "คีโม" 8ครั้ง เพื่อรักษามะเร็งโดยเริ่มให้ครั้งแรก 289/10/2557 โดยให้ครั้งละสองชั่วโมงต่อครั้ง แล้วงดไปประมาณ 21 วันเริ่มให้ครั้งต่อไป (ตอนนี้ให้ที่โรงพยาบาลราชวิถี) จนเส็รจสิ้นการให้ครั้งที่สาม ซึ่งหลายๆท่านเคยเล่าว่าถ้าให้คีโมครั้งที่สามผ่านทุกอย่างก็จะค่อยยังชั่วขึ้น แล้วสิ่งที่เราพะวงก็เกิดขึ้น เมื่อน้องจอยร่างการเริ่มอ่อนแอ เกิดภาวะปอดติดเชื้อ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ไม่สามารถนอนได้ หายใจเองไม่ได้ต้องอยู่กับเครื่องช่วยหายใจ(ในครั้งนี้ผมเอาลูกเข้ารักษาตัวที่ รพ.ศรีษะเกศ) ซึ่งได้ขอความเห็นกับทางคุณหมอรักษามะเร็งแล้ว จะเป็นผลดีกว่าเดินทางไปมา ระหว่างกรุงเทพกับศรีษะเกศ (ต้องขอขอบพระคุณคุณหมอรักษามะเร็งทั้งสองที่ ที่ท่านเต็มที่กับการรักษามาก) ในช่วงนี้ทำให้ต้องล้มเลิกการให้คีโมรักษามะเร็งทั้งหมดทันที ช่วงนี้เป็นช่วงที่วิกฤต ที่สุด หลายครั้งที่คุณหมอเรียกผมและภรรยา
เข้าไปพูดคุยเรื่องการรักษาตลอด สิ่งที่คุณหมอถามและบอกตลอดคือ "น้องอาจไม่ได้กลับบ้านแล้วนะ" อาจต้องเจาะคอน้องนะ เพราะภาวะปอดติดเชื้อดื้อยาไม่ตอบสนองการรักษา ตอนนี้น้องจอยถูกนำตัวมาห้องแยก(ห้องปลอดเชื้อ) สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือ
1. ไม่ยอมให้เจาะคอน้อง
2. หมอที่จะรักษาทางพระทางหมอดูเริ่มหาหมด
3.ยาสมุนไพร (มีมาให้จากทุกทิศทุกทาง)ต้องขอบพระคุณมาก
4.อธิฐาน
แต่ก็ยังรักษามะเร็งกับทางหมอปัจจุบันอยู่ เพราะถือว่าจุดที่ทำให้รู้ว่าน้องจอยเป็นอะไรนั้น มาจากการค้นหาของแพทย์รักษามะเร็งแผนปัจจุบันทั้งสิ้น
ต้องย้ำว่าโดยปกติผมและครอบครัวจะทำกิจกรรมทางศาสนาพุทธมาก จนแฟนผมต้องเอยปากว่า "ถ้าเจ้ากรรมนายเวรมีจริงจะเอากันให้ตายเลยหรือถ้าเอาให้ตายกันเลย เวรกรรมก็คงใช้กันไม่หมดเพราะไม่รู้ว่ามีเวรกรรมอะไรบ้าง ทำไมไม่ให้โอกาศสร้างบุญสร้างกุศลกันบ้าง กรรมต่างๆจะได้เบาบางลงและไม่มีกรรมต่อกันและกัน"
หลังจากนั้นทางคุณหมอก็บอกกล่าวว่าจำเป็นต้องให้ยาต้านเชื้อที่แรงที่สุด ถ้าครั้งนี้ยังดื้อยาอยู่ทุกอย่างก็......จบ ถึงอย่างไรเราก็ต้องยอมตามคุณหมอคาดว่าสิ่งต่างๆที่ครอบครัวเราสร้างมา และเจ้ากรรมนายเวร คงให้โอกาสอันควรเราบ้าง ...แล้วสิ่งต่างๆที่เราวาดฝันก็ดีขึ้นตามลำดับ น้องเริ่มรู้สึกตัว เริ่มสวดมนต์ได้ แต่ยังใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ เริ่มนอนตะแคงได้ (นอนหงายยังไม่ได้) แนวโน้มเริ่มกระเตื้องขึ้น ทุกคนเริ่มมีความหวังมากขึ้น แต่ต้องอยู่ในการดูแลของคุณหมออย่างใกล้ชิด |
|